มืดมา สว่างไป ชีวิตที่เลือกได้ของครูมืด

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ชีวิตของคนเราแบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ 
1.มืดมา มืดไป  หมายถึง ชีวิตคนบางคน เกิดมาในที่ที่ไ่ม่เหมาะสม ทำให้ดำรงชีวิตผิดพลาด บั้นปลายจึงไปสู่ทุคติ
2.มืดมา สว่างไป หมายถึง บางคน แม้เกิดมาในสภาพแวดล้อมไม่ดี แต่กลับแสวงหาโอกาส ทำสิ่งดีๆ บั้นปลายจึงไปสุคติ
3.สว่างมา มืดไป หมายถึง บางคน เกิดมามีความพร้อมทุกอย่าง แต่ไปดำเนินชีวิตผิดพลาด บั้นปลายจึงต้องไปทุคติ
4.สว่างมา สว่างไป หมายถึง บางคน เกิดมามีความพร้อมความบริบูรณ์ แล้วใช้โอกาสนั้นทำความดี จนในที่สุดได้ไปสู่สุคติ
ชีวิตของครูมืด ผู้เป็นศิลปินแห่งชาติ หากจะกล่าวไปก็เข้าหลักเกณฑ์ที่ 2 คือ มืดมา แล้วสว่างไป จากเด็กสลัมผู้เดินตามรอยคุณปู่ จากความชื่นชอบในศาสตร์นาฏยศิลป์ จากการผ่านการเพาะบ่มจากบรมครูผู้เชี่ยวชาญหลากหลายท่าน จึงกลายมาเป็น “ครูมืด” หนึ่งในปรมาจารย์ผู้สืบทอดศิลปะแห่งโขนอีกคนหนึ่งซึ่งเจนจัดในศาสตร์และศิลป์แขนงนี้ 
ครูมืดได้เปิดเผยว่าชีวิตในวัยเยาว์ ได้คลุกคลีอยู่ในแวดวงดนตรี เนื่องจากมีคุณปู่เป็นนักดนตรี จึงได้ติดตามท่านไปศึกษาหาความรู้ อาศัยกินข้าววัด ที่วัดพระพิเรนทร์ ซึ่งในยุคนั้นถือเป็นแหล่งรวมของศิลปวัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นโขน ละคร ปี่พาทย์ ลิเก ละครชาตรี จึงทำให้ชื่นชอบในศิลปะตั้งแต่ตอนนั้น
เมื่อเข้าเรียนในชั้นประถมที่โรงเรียนศุภมาสวิทยาคม เนื่องจากอาจารย์มีทักษะดนตรีไทย จึงได้นำความรู้ที่ติดตัวมามาใช้ จนได้เป็นตัวนำในการทำกิจกรรมการละเล่นต่างๆ จนกระทั่งเข้าเรียนโรงเรียนนาฎศิลป์ ได้พบกับอาจารย์ธนิต อยู่โพธิ์ ซึ่งเป็นอดีตอธิบดีกรมศิลปากร ท่านนี้เป็นผู้ให้อาจารย์เสรี หวังในธรรม คัดเลือกเด็กจากทุกสาขาจำนวน 13 คน ให้เข้ามาเรียน ซึี่งครูมืด ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเพื่อเรียนทุกศาสตร์ ทั้งตลก โขน ลิเก สวด แหล่ เห่ กล่อม
จากการเห็นความทุ่มเทของอาจารย์เสรีซึ่งแม้ขณะนั้นจะมีเงินเดือนเพียงประมาณ 800 บาท แต่ต้องเลี้ยงเด็กถึง 13 คน ทำให้พระองค์ชายกลางหรือพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร  ได้เข้ามารับอุปถัมภ์ออกค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือให้ จากนั้นอาจารย์เสรีก็พาเด็กทุกคนตระเวนหาความรู้กับครูอีกหลายคน
จากการติดตามอาจารย์เสรีไปที่ต่างๆ ทำให้เด็กชายมืดมีพัฒนาการก้าวหน้ากว่าเด็กคนอื่นๆ เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น บางครั้งก็ได้ทำหน้าที่แทนครูบาอาจารย์ เป็นการเพิ่มพูนทักษะยิ่งขึ้น ด้วยความรู้ ความสามารถที่มีอยู่ ทำให้มีสิทธิ์สมัครสอบแข่งขันให้เป็นศิลปินสำรองหรือข้าราชการนักเรียน มีสิทธิ์รับเงินเดือน เซ็นชื่อเบิกเงินเดือนได้ เมื่อสอบติดจึงต้องทำหน้าที่เป็นข้าราชการนักเรียนจนเรียนจบ ก็ทำหน้าที่เป็นข้าราชการจนเกษียณอายุ  ก็ได้รับเกียรติจากกรมศิลปากร ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ทำหน้าที่ให้ความกระจ่างทุกอย่างที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทยทุกแขนงแก่ผู้ที่สนใจ
สิ่งที่ครูมืดได้ตระหนักอยู่เสมอคือ เรื่องของการศึกษาที่ท่านกล่าวว่า ในเรื่องศิลปวัฒนธรรมไทยในเรื่องการแสดงนั้น มันเป็นทศนิยมไม่รู้จบ ต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมอยู่เสมอ ส่วนการที่มีผู้เป็นห่วงว่าทุกวันนี้มีการหลากเข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติ เกรงว่าจะทำให้นาฏยศิลป์จะสูญหายไป ครูมืดได้แสดงความเห็นอย่างมั่นใจว่าหากมีผู้สืบทอดอยู่ ศิลปวัฒนธรรมไทยก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป
ชีวิตของครูมืด นับเป็นตัวอย่างอันดีแก่คนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงแม้ว่าท่านจะเริ่มต้นจากจุดที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก แต่ด้วยความมุ่งมั่น รักดี และที่สำคัญคือการได้พบครูดี ทำให้ท่านก้าวไปสู่จุดที่สูงขึ้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่า จุดเริ่มต้นแม้จะมีความสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การเลือกที่จะดำเนินชีวิตของเราต่างหาก

Cr. MGR Online 22 มีนาคม 2559 10:22 น.
มืดมา สว่างไป ชีวิตที่เลือกได้ของครูมืด มืดมา สว่างไป ชีวิตที่เลือกได้ของครูมืด Reviewed by asabha072 on 6:35 AM Rating: 5

No comments:

Powered by Blogger.